ลิเวอร์พูล จัดทัพใหญ่ล่าแชมป์ โดย โม ซาลาห์ ฟิตกลับมาเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ๊กซ้ายที่ฟิตทัน ขณะที่ จินี่ ไวจ์นัลดุม ที่ยิงสองเม็ดเมื่อกลางสัปดาห์ได้เป็นตัวจริง
ส่วน ดิว็อค โอริกี้ ยอดฮีโร่ ยังยึดตำแหน่งตัวจริงต่อไป ถือเป็นขุนพลชุดเต็มของ “หงส์แดง” ที่ต้องชนะ วูล์ฟ ไว้ก่อน แล้วลุ้นให้ผลคู่ แมนฯ ซิตี้ เป็นใจให้
สิ้นเสียงสัญญาณนกหวีด เริ่มเกมครึ่งแรก “หงส์แดง” เดินหน้าลุยแหลก ครองบอลบุกฝ่ายเดียว จนกระทั่ง นาทีที่ 18 เสียงเฮก็ดังกระหึ่ม แอนฟิลด์ และทั่วทุกมุมโลกที่มีแฟนหงส์แดงติดตามอยู่ เ
มื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลจากกราบขวาแฉลบไปถึง ซาดิโอ มาเน่ ตะบันเน้นๆ เสียบตาข่ายกลางประตู แบบไม่เหลือซากให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0 สถานการณ์ชิงแชมป์ลีกสูงสุดกลับมาเข้าทางทันที เพราะอีกสนามสกอร์ยัง 0-0
หงส์แดง เกือบจะหนีห่าง ในนาทีที่ 24 จากจังหวะที่ โรเบิร์ตสัน ตะบันด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด แต่โดนเซฟหวุดหวิด ขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจาก “เดอะค็อป” เกิดขึ้นในจังหวะเดียวกันน่นเอง เนื่องจาก อีกสนาม ไบรท์ตัน ขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ แล้ว 1-0
เกมดำเนินต่อ นาทีที่ 34 ลิเวอร์พูล มีลุ้นจะได้จุดโทษเมื่อ ไวจ์นัลดุม หลุดขึ้นไปทางซ้ายก่อนตวัดบอลมาโดนบริเวณแขน ไรอัน เบนเน็ตต์ แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร
หมาป่า มีตอบโต้ขึ้นมาบ้าง และเกือบจะได้ประตูดับฝันเหมือนกัน ในนาทีที่ 44 แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ รับบอลที่เพื่อนไหลทำเกมขึ้นมาจากฝั่งซ้าย ก้มหน้าตะบันเข้าข้อจากทางด้านขวาของกรอบเขตโทษ
แต่บอลเจ้ากรรมดันพุ่งไปชนคานหลัง จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ วูล์ฟส์ อยู่ 1-0 ในขณะที่อีกสนาม เรือใบสีฟ้า แมนซิตี้ ก็พลิกขึ้นนำ 2-1 เช่นกัน
กลับมาลุ้นกันต่อในครึ่งหลัง หมาป่า เดินเกมบุกได้น่ากลัว คุกคามเกมรับของเจ้าบ้านได้มาก ขณะที่ หงส์แดง มีลุ้นได้เพิ่มเหมือนกัน นาทีที่ 63 โอริกี้ กลับตัววอลเล่ย์ แต่ถูกบล็อกหวุดหวิด ก่อนที่เขาจะโดนถอดออกให้ เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาแทน
วูล์ฟส์ เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ โดเฮอร์ตี้ วางยาวให้ ดีโอโก้ โชต้า หลุดเดี่ยวเข้ายิงเน้นๆ แต่ต้องชม อลิสซง เบคเกอร์ พุ่งออกมาบล็อกไว้ได้
จนกระทั่ง เมื่อเข้าสู่ นาทีที่ 81 ลิเวอร์พูล ได้ประตูเพิ่มหนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดจากขวาเข้าหัว มาเน่ โหม่งเข้าไป เป็นลูกที่ 2 ของเขาในนัดนี้ พร้อมนำเป็นดาวซัลโวร่วมด้วยผลงาน 22 เม็ด
และมีอีกสถิติเกิดขึ้นคือ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำสถิติเป็นกองหลังที่แอสซิสต์ได้ถึง 13 ลูกในฤดูกาลนี้ เป็นรองสถิติสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ในการจ่ายให้เพื่อนทำประตูของผู้เล่นกองหลังที่ 14 ครั้ง อยู่เพียงลูกเดียว
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังฟอร์มเทพของหงส์แดงปีนี้ ก็เกือบจะมีชื่อเป็นผู้ทำประตู แต่ลูกโขกของเขาไปชนคานอย่างน่าเสียดาย จบเกม ลิเวอร์พูล คว้าชัยตามเป้า 2-0 แต่ทว่าได้เป็นรองแชมป์
เนื่องจาก แมนฯ ซิตี้ ถล่ม ไบรท์ตัน ขาดลอย 4-1 ในเกมอีกคู่ โดย “หงส์แดง” มีแต้มน้อยกว่าแค่แต้มเดียว จบฤดูกาล 38 นัด ไปด้วย 97 แต้ม นับเป็นสถิติคะแนนทีมรองแชมป์ที่สูงที่สุด ท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจของ “เดอะ ค็อป” ในสนาม ก่อนมีคิวลงบู๊อีกครั้ง ในศึกชิงจ้าวยุโรปถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับ สเปอร์ส ที่ กรุงมาดริด ต่อไปในวันที่ 1 มิ.ย. นี้