คำที่ว่า ‘ฟุตบอลลูกกลมๆ จะเกิดอะไรขึ้นนั้นไม่มีใครคาดได้’ ยังคงอยู่ในสมัยปัจจุบันเพราะถ้านกหวีดสุดท้ายยังไม่ถูกเป่า อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ เราจะพาไปดู 4เกมสุดปาฎิหารย์ในรายการ UCL กันครับ
1. เกมแรกถือว่าเป็นเกมสุด Classic ของแฟนบอล เป็นการพบกันใน นัดชิงชนะเลิศระหว่าง Manchester United กับ Bayern Munich ซึ่งเป็นฝั่งเสือใต้ที่ชิงความได้เปรียบตั้งแต่นาทีที่ 6จาก Maria Basler และรักษาสกอร์นั้นมา
จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมแต่กลับเป็น 3นาทีแห่งฝันร้ายเมื่อ Teddy Sheringham กดประตูตีเสมอในนาที 90+1ทุกคนน่าจะเฝ้ารอการต่อเวลา แต่ทว่า เพชรฆาตหน้าเด็ก Ole Gunnar Solskjaer ที่เป็นตัวแสบเปลี่ยนทิศทางบอลจากการโหม่งของเพื่อนร่วมทีมกลายเป็นประตูชัยในนาทีที่90+3
2. ปาฏิหาริย์ที่ Istanbul ถ้าถาม The Kop คงไม่มีใครไม่รู้จักเหตุการณ์นี้ เพราะในนัดชิงชนะเลิศที่ทั้ง สองทีมไม่อยากมีใครพลาดพลั้ง แต่หงส์แดงกลับเสีย 3ประตูในครึ่งเวลาแรกจาก 1ลูกของ เปาโล มัลดินี่ และ 2ลูกของ เอร์นัน เครสโป
แต่คำที่ว่า You will never walk alone ไม่เคยเสื่อมคลายเพราะเหล่าThe Kop ยังคงสงเสียงกระตุ้นทีมของตนและดูเหมือนจะเป็นผลซะด้วยเพราะ แค่ 15นาทีหลังจากเริ่มครึ่งหลักสกอร์กลับมาเป็น 3-3จาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด,วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และ ชาบี อลอนโซ่ สุดท้ายตัดสินด้วยการดวลจุดโทษและเป็น Liverpoolที่คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่5ได้สำเร็จ
3. นัดชิงชนะเลิศในปี 2012ระหว่าง Bayern Munich และ Chelsea อีก1เกมสุดมันส์ของถ้วย UCL โดย Bayern ตัวเต็งในปีนั้นเหมือนถือถ้วยแชมป์ไว้ในมือไว้1ข้างแล้ว เพราะขึ้นนำในนาทีที่ 83จาก Thomas Muller
จากนั้นแพ็คเกมรับรอรับแชมป์ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะ Drogbaศูนย์หน้าจากกาฬทวีปโหม่งจากกรอบ6หลา ลูกพุ่งอย่างกับจรวดเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นสิงห์ไฮโซที่ทำได้ดีกว่า คว้าแชมป์ไปครอง
4. เกมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่าง Barcelona และPSG ซึ่งเจ้าบุญทุ่มพ่ายแพ้ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงในการออกไปเยือนที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ถึง 4-0
แต่ด้วยสปิริตบวกกับแรงเชียร์ของแฟนบอล ทำให้การทำ Super Comeback นั้นกลายเป็นจริงโดยการยิง 6-1 ใน Camp Nou เข้ารองด้วยประตูรวม 6-5
BerbaPaak
#UCL