เส้นทางสู่ J-League ของ เมสซี่เจ : ชนาธิป สรงกระสินธ์

‘เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์’ หรือ ‘เมสซี่เจ’ คือนักเตะไทยที่ได้ไปค้าแข้งในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมาแฟนบอลคงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าเมสซี่เจเป็นนักเตะที่มีฝีมือเก่งกาจ ไม่อย่างนั้นคงไปเก็บประสบการณ์ที่เจลีกไม่ได้แน่นอน

เมสซี่เจจัดว่าเป็นนักเตะคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากศูนย์ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และยังมีวินัย ขยันฝึกซ้อม การเล่นฟุตบอลทั้งในนามทีมชาติและสโมสรของเขา ทำลายข้อจำกัดที่คนเคยพูดไว้ว่า “นักเตะไทยแพ้ด้านสรีระ” ได้สำเร็จ เมสซี่เจแสดงให้เห็นแล้วว่าแม้จะตัวเล็ก แต่ไม่มีผลต่อการเป็นนักเตะระดับแถวหน้าได้เลย ก่อนจะมาถึงแถวหน้า เมสซี่เจ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง นี่คือเส้นทางก่อนที่เขาไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น
เมสซี่เจเคยเล่าว่าพ่อของเขาดุมาก ในวัยเด็กเขาโดนบังคับให้เตะฟุตบอลตั้งแต่ 4 ขวบ พ่อเข้มงวดกับการฝึกซ้อมฟุตบอล รวมถึงดูแลเรื่องการกินให้กับเขา เนื่องจากตัวของเขาเล็กมาก การเคี่ยวเข็ญนั้นทำให้เขามีทักษะฟุตบอลที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเมื่อฝีมือเข้าขั้นที่จะแข่งได้ เมสซี่เจก็ร่วมเป็นสมาชิกทีมฟุตบอลเดินสายของนครปฐม ‘ซีแอล ไฮสปีด’ ตระเวนเตะฟุตบอลล่ารางวัลไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ และเป็นนักฟุตบอลของวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการราชดำเนิน

ในช่วงแรกของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ สโมสรทีโอที (ในขณะนั้น) ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญากับเขา เนื่องจากทางสโมสรมองว่าเขาตัวเล็กเกินไป ไม่สามารถเล่นบอลอาชีพได้ เมสซี่เจผิดหวัง แต่ก็เศร้าใจได้ไม่นาน เมื่อสโมสรบีอีซี เทโรศาสน ได้เห็นแววจึงเซ็นสัญญาเรียกเขาเข้าทีมเยาวชนของบีอีซีฯ เงินเดือนเดือนแรกที่ได้รับ คือ 10,000 บาท และปีนั้นเขาก็มีส่วนในการพาทีมเยาวชนคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ซึ่งแมทต์นั้นชนาธิปได้ตำแหน่งแมนออฟเดอะแมทต์ด้วย
เมสซี่เจติดทีมชาติครั้งแรกในชุดเยาวชน 19 ปี และลงรายการ ‘ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย 2012’ ในรอบคัดเลือก ทีมชาติไทยได้แชมป์กลุ่มและผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในรอบนั้น เมสซี่เจทำได้ 1 ประตู และเมื่อ 17 มีนาคมปี 2555 ขณะนั้นเขาอายุ 18 ปี เมสซี่เจติดทีมสโมสรชุดใหญ่ครั้งแรกและช่วยสโมสรในฐานะตัวจริงเรื่อยมา ประตูแรกที่เขายิงได้เกิดขึ้นในเกมที่บีอีซีฯ ดวลกับการท่าเรือ นัดนั้นเขายิงไป 2 ประตู แม้เขาออกสตาร์ทเป็นตัวสำรอง จากนั้นเมสซี่เจก็ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคมปี 2556 เขาลงแข่งในรายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ จากนั้นเขาเริ่มติดทีมชาติเรื่อยมา และอยู่ในชุดที่คว้าแชมป์ซีเกมส์ และซูซูกิคัพถึงสองสมัย
เมื่อปี 2556 เมสซี่เจได้โอกาสไปคัดฝีเท้าที่ญี่ปุ่นครั้งหนึ่ง เขาไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสร ชิมิสุ เอสพัลส์ ใน เจลีก แต่ก็ต้องผิดหวังกลับมา ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าสโมสรในเกาหลีใต้ก็สนใจเขา แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ข่าวลือ และเนื่องจากต้นสังกัดเดิมมีปัญหาด้านการเงิน เมสซี่เจได้ย้ายมาอยู่สโมสร SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อ 28 มกราคม 2559 ซึ่งการที่เขามาเล่นให้กับสโมสรเมืองทองก็ทำให้เมสซี่เจ สามารถเล่นเข้าขาร่วมกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีในเกมทีมชาติ ระหว่างที่อยู่เมืองทองฯ มีข่าวมาว่าสโมสรญี่ปุ่นสนใจแววนักเตะไทยหลายคน หนึ่งในนั้นคือ เมสซี่เจ และทางสโมสรต้นสังกัดพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเมสซี่เจก็ได้แสดงฝีมือให้เห็นทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2559 ข่าวลือเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อ ‘คอนซาโดล ซัปโปโร’ สโมสรที่เพิ่งเลื่อนชั้นจาก เจลีทู ขึ้นมาเตะลีคสูงสุดของญี่ปุ่นในฤดูกาลปี 2017 นั้นสนใจตัวเมสซี่เจอย่างมาก และเริ่มเดินหน้าคุยเรื่องสัญญา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะยืมตัวหรือซื้อขาด และในที่สุดข่าวลือก็ถูกเฉลย เมื่อ วันที่ 9 มกราคม 2560 เมสซี่เจเดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมครอบครัวเพื่อเซ็นสัญญากับสโมสร ‘คอนซาโดล ซัปโปโร’ ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปีครึ่ง โดยจะย้ายไปร่วมทีมในเลกสองของฤดูกาล 2017 – 2018 เมสซี่เจสวมเสื้อหมายเลข18 หมายเลขเดียวกับ ‘ซากาโมโต้ เทปเป’ ตัวการ์ตูนญี่ปุ่นในการ์ตูนฟุตบอลเรื่อง  ‘FANTASISTA มหัศจรรย์สิงห์นักเตะ’ และพระเอกในเรื่องก็เตี้ยเหมือนเขาแถมใส่เสื้อสีเดียวกันด้วย ค่าตัวของเมสซี่เจไม่ได้รับการเปิดเผยแต่คาดว่าถึง 18 ล้านบาทเลยทีเดียว และด้วยความอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย เป็นมิตรกับแฟนบอล แถมทักษะฝีเท้าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ทำให้เกิดกระแสเมสซี่ฟีเวอร์ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่เมืองฮอกไกโด


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.mangozero.com

ufafeversport

ufafeversport

Leave a Replay