พรีเมียร์ลีก นัดที่ 25 จบลงไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลายๆทีมทำได้ดีมาก ทั้งโซนตกชั้นที่พยายามให้ตัวเองรอดตกชั้น และทางด้านหะวตารางที่ตามกันเพื่อไล่ล่าแชมป์ และพื้นที่ไปเล่นในฟุตบอลยุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งในนัดที่ 25 นี้ “อลัน เชียเรอร์” ได้จัด 11 ผู้เล่นโดยจัดแผนไว้ 3-4-2-1 ในสัปดาห์นี้

เริ่มจากตำแหน่ง ผู้รักษาประตูอย่าง “อูโก้ โยริส” ที่หายกลับมาจากอาการบาดเจ็บไปร่วมๆเดือน ได้กลับมาลงเล่นในนัดที่ 2 หลังจากหายเจ็บกลับมา โดนในนัดนี้เขาเซฟจังหวะสวยๆหลายจังหวะ รวมถึงจังหวะเซฟจุดโทษของ “กุนโดกัน” ทำให้ทีมไม่เสียประตู และเก็บชัยชนะเหนือ “แมนฯซิตี้” ไปได้ 2-0
ผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ตัวกลางทั้ง 3 คน ประกอบไปด้วย “เยอร์รี่ มีน่า” กองหลังวัย 25 ปีของ “เอฟเวอร์ตัน” ที่ในนัดที่ 25 นี้มีส่วนช่วยทำประตูทิ้ง 2 ลูก และเป็นผลทำให้ทีมพลิกกลับมาชนะ 3-2 ทั้งที่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน คนที่ 2 ในตำแหน่งนี้ คือ “คอนเนอร์ คัวดี้” เซ็นเตอร์แบ็คของ “วูล์ฟแฮมตัน” ที่คอยบัญชาเกมรับของทีมจนสามารถ ป้องกันไม่ให้ “แมนฯยู” เก็บชัยชนะได้ และทำได้เพียงแค่เสมอกับทีม “หมาป่าแห่งอังกฤษ” ไป 0-0 และเซ็นเตอร์แบ็คคนสุดท้าย ตกเป็นของ “อันโตนิโอ รูดิเกอร์” ปราการหลังจาก “สิงห์บูล” เชลซี ที่ในนัดที่ผ่านมาทำไป 2 ประตูโดยเจ้าตัวเป็นทั้งคนพาทีมออกนำเลสเตอร์ในนาที 46 และคนตามตีเสมอในนาทีที่ 71 ซึ่งในนัดนี้เขาช่วยทีมเก็บแต้มกลับออกมาได้อย่างน้อย 1 คะแนน
ลำดับต่อมาในตำแหน่งอย่างวิงแบ็คซ้าย และขวา ทางด้านขวาคือ ผู้เล่นชาว “อังกฤษ” วัย 26 ปี จาก “เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด” ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อยากยอดเยี่ยมจนพาทีมเก็บชัยชนะได้ในนัดที่เอาชนะ “คริสตัล พาเลช” ไป 0-1 ส่งผลทำให้ทีมของเขาขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 แซงหน้าทีมอย่าง “แมนฯยู” ขึ้นไปในตาราง โดยเขาลงเล่นไป 24 นัด และทำประตูไปถึง 2 ประตูในฤดูกาลนี้ ทางด้านซ้ายตกเป็นของ “จาเฟ็ต แทนทันก้า” เจ้าหนูวัย 20 ปี จาก “สเปอร์ส” ที่ในนัดนี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุก และเกมรับจนทำให้เกมรุกทางฝั่งขวาของ “เรือใบสีฟ้า” ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสในการยิงประตูได้
ในแดนกลาง 2 ตัว เป็น “ฟิลิป บิลลิง” กองกลางของ “บอร์นมัธ” ที่ในนัดนี้สามารถทำประตูออกนำให้กับทีมได้ ก่อนที่จะพาทีมชนะ “แอสตัน วิลล่า” ไป 2-1 พาทีมขึ้นมาอันดับที่ 16 หนีจากโซนตกชั้นได้สำเร็จ และนี่คือประตูแรกของเจ้าตัวกับ “บอร์นมัธ” หลังจากลงเล่นไป 23 เกม และคนที่ 2 ในแดนกลางตกเป็นของ “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” กัปตันทีมของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยกองกลางจอมขยันคนนี้ ได้ทำประตูในนัดที่ “หงส์แดง” เปิดบ้านชนะ “เซาแธมป์ตัน” ไป 4-0 ซึ่งเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ จากกาาลงเล่นไป 24 นัด
3 ตัวรุกในแดนหน้า มีนักเตะของ “ลิเวอร์พูล” ถึง 2 ผู้เล่นอย่าง “โมฮาเหม็ด ซาร่า” ศูนย์หน้าชาว “อียิปต์” ที่ในเกมนัดนี้เขาทำไป 2 ประตู จาก 4 ลูกที่ทีมทำได้ ส่งผลทำให้เจ้าตัวทำประตูในลีกไปถึง 14 ลูกในฤดูกาลนี้ รั้งอยู่ในอันดับ 3 ร่วม และตามหลังดาวซัลโลตอนนี้อย่าง “เจมี่ วาร์ดี้” แค่ 3 ลูกเท่านั้น คนที่ 2 ของ “หงส์แดง” จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “โรเเบร์โต้ ฟิร์มิโน่” นักเตะบราซิล ที่ในนัดนี้อาจจะไม่สามารถทำประตูได้ แต่ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนถึง 3 ครั้งจากประตู 4 ลูกในเกมที่ผ่านมา โดยฤดูกาลนี้เขาทำไป 8 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 25 นัด
และคนสุดท้ายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักเตะใหม่ป้ายแดงของ “ไก่เดือยทอง” อย่าง “สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น” นักเตะค่าตัว 31.5 ล้านปอนด์ของทีม โดยในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ “แมนฯซิตี้” 2-0 เขาได้มีชื่อออกสตาร์ท เป็น 11 ตัวจริง ก่อนจะโชว์ฟอร์มด้วยการ ยิงไป 1 ประตู ในเกมแรกของเขากับทีม รวมถึงเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในลีกสูงสุดขององกฤษอีกด้วย

ทางด้านผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมตกเป็นของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ของ “ลิเวอร์พูล” ที่ในตอนนี้พาทีมอยู่บนจ่าฝูงด้วยคะแนน 73 แต้ม ทิ้งอันดับ 2 อย่าง “แมนฯซิตี้” ไปถึง 22 คะแนน และยังเก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 25 ติดต่อกัน
ขอบคุณรูปภาพจาก Premier Leager #ข่าวกีฬา #ข่าวฟุตบอลไทย #วิเคราะห์