เมื่อวานที่ผ่านมา ได้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อุปนายกสมาคมฯ และรวมถึงกรรมการกลาง ณ ห้อง วิภาวดี บอลรูม ชั้น L ของโรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว โดยมีสำนักเลขาธิกาาสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระยรมราชูปถัมภ์ จัดการประชุม

โดยผลการลงคะแนนปรากฏว่า เป็นทางด้าน “พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เป็นฝ่ายชนะคะแนนเสียงไปด้วยคะแนน 51 คะแนน ชนะผู้เข้าชิงอย่าง “ดร.ภิญโญ นิโรจน์” ที่ได้คะแนนไป 17 คะแนน มีใบเสีย 1 ใบ และรวมถึงทีมงานสภากรรมการอีก 18 ราย ได้รับชูมือเป็นเอกฉันท์ทั้งหมด และเป็นการคว้าเก้าอี้นายกสมัยที่ 2 ของ “พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อีกด้วย
ซึ่งหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งนายกสมาคมเสร็จ ทาง “พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ได้กล่าวขอบคุณกับสโมสร และทุกๆท่านที่ว่าใจในการที่ให้โอกาสเค้าได้ทำหน้าที่นายกสมาคมฟุตบอลต่อไป พร้อมทั้งกล่าวถึงแพ้การทำเนินงานต่อไปหลังจากนี้ว่า “เรื่องการทำงานของสมาคมฯ ต้องเดินต่อไป เนื่องจากในวันที่ 14 กุมภาพันธ์จะเปิดซีซั่น 2020”
“ส่วนเรื่องต่างๆ หลายคนมีความข้องใจกับการจัดการเลือกตั้ง ผมห้ามไม่ได้ แต่ถ้าท่านไม่เข้าใจ หรือ ต้องการให้เราชี้แจง เราก็พร้อม”
“ที่ผ่านมา 4 ปี ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลายากลำบากมาก ผมเข้ามาบริหารสมาคมฯ ในสภาพที่ขาดความพร้อมหรืออุปสรรคปัญหาในองค์กรณ์มากมาย 4 ปีที่ผ่านมา เหมือนผมเข้าไปซื้อบ้านเก่า ทำการซ่อมเพื่อจะอยู่อาศัยได้ หลัง 4 ปี ผ่านไป ผมเชื่อว่ามันมีความพร้อม และเราพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้ามากขึ้น”
“สิ่งที่ต้องรีบทำคือ ทำให้มีแบบแผนระบบที่ชัดเจน เราจะยึดแนวทางแผนพัฒนา 20 ปี ที่สมาคมฯ ได้จัดขึ้น 4 ปีข้างหน้าคือการก้าวให้ไกลไปด้วยกัน เชื่อว่า ภายใต้ทีมงานที่ผมได้เลือกหรือเชิญเข้ามานั้นมีคุณภาพ และค่ำหวอดวงการฟุตบอล ด้วยศักยภาพของทุกท่านจะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลให้ก้าวไปข้างหน้า”
“เป็นในรูปแบบของมาตรฐานฟีฟ่า และ เอเอฟซี ในระหว่างประชุมจะต้องดำเนินการตามขอบังคังสมาคมฯที่ต้องลงคะแนนแบบลับที่ไม่ใหสื่อมวลชนหรือแม้กระทั่งผมเองเข้าห้อง และจะให้เข้าหลังเสร็จสิ้นแล้ว”

โดย พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่อเนื่องไปอีกถึงปี 2556 ซึ่งเป็นเป็นระยะเวลา 4 ปี ต้องมาดูกันต่อไปว่าเขาจะพัฒนาลูกหนังไทยให้ไปได้ก้าวไกลเพียงใด
ขอบคุณรูปภาพจาก FA Thailand #ข่าวกีฬา #ข่าวฟุตบอลไทย #วิเคราะห์ฟุตบอล