เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 24 ก.พ. 63 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีลงทำการแข่งขันนัดที่ 27 ของฤดูกาล โดยเป็นแมตย์ “มันเดย์ไนท์” ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงของตาราง ที่ยังเก็บชัยชนะต่อเนื่องมาในลีก ต้องเปิดสนาม แอนฟิลด์ ค้อนรับการมาเยือนของ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่รั้งอันดับ 18 และยังไม่ชนะใครมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน

ก่อนเกมการแข่งขัน “เจอร์เก้น คล็อปป์” กุนซือของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่นัดล่าสุดในฟุตบอลถ้วยยุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จะพลาดท่าแพ้ “แอดมาดริด” มา 0-1 และแถมในนัดนั้นยังจะเสียกัปตันทีมอย่าง “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” จนทำให้เจ้าตัวไม่สามารถลงเล่นได้ในเกมนัดนี้ เลยทำให้ต้องส่ง “นาบี เกอิต้า” ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแดนกลาง พร้อมสามประสานแนวรุก SFM “ซาลาห์”, “ฟีร์มีโน่” และ “ซาดิโอ มาเน่” ในการล่าประตู
ส่วนทางด้าน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ภายใต้การคุมทีมของ “เดวิด มอยส์” ที่นัดล่าสุดก็พึ่งจะแพ้ “แมนซิตี้” ถึง 2-0 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และตกมาอยู่ในอันดับที่ 18 ทำให้เกมนัดนี้ “ขุนค้อน” หวังที่จะคว้า 3 แต้มให้ได้ เพื่อที่จะยังคงมีลุ้นรอดจากโซนตกชั้น โดยส่ง “มิคาอิล อันโตนิโอ” ยืนค้ำข้างหน้า เพื่อหวังใช้ความแข็งแกร่งเข้าสู่แนวรับของ “หงส์แดง”
โดยเกมในครึ่งเวลาแรก เจ้าบ้าน “หงส์แดง” ได้ประตูออกนำไปก่อน ซึ่งใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น จากจังหวะทำชิ่งในกรอบเขตโทษ แต่ไปติดแนวรับของ “เวสต์แฮม” ก่อนจะเป็น “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” โชว์ความขยันตามมาครอสบอลจากฝั่งขวาเข้ามาให้กับ “จอร์จินโย่ ไวนัลดุม” ที่ยืนรออยู่บริเวณกรอบ 6 หลา ก่อนจะวิ่งตัดหน้า “โรเบิร์ต สน็อดกราสส์” ผู้เล่นของทีมเยือนพร้อมกับโขกเปลี่ยนทางผ่านมือ “ลูคัส ฟาเบียนสกี้” เสียบเข้าเสาไกลไปอย่างงดงาม “หงส์แดง” ออกนำไปก่อน 1-0

แต่ทีมเยือนใช้เวลาเพียง 3 นาที ก็สามารถได้ประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะลูกเตะมุมทางขวาของ “โรเบิร์ต สน็อดกราสส์” ปั่นบอลโค้งเข้ามา ก่อนจะเป็น “อิสซ่า ดิย็อป” ขึ้นเทคตัวโขกบอลก่อน “โจ โกเมซ” เบียดเสาแรกเข้าไป แม้ “อลีสซง เบ็คเกอร์” จะพยายามพุ่งมาปัดแต่ก็ไม่ทัน ทำให้ “เวสต์แฮม” ออกนำเป็น 1-1 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งเวลาหลัง ทีมเยือน “เวสต์แฮม” สามารถทำประตูขึ้นนำทีมเจ้าถิ่นได้ก่อน จากจังหวะ “เดแคลน ไรซ์” กองกลางดาวรุ่งทำเกมขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนหมุนตัวเปิดบอลเข้าในกรอบเขตโทษให้ กับ “ปาโบล ฟอร์นัลส์” ตัวสำรองที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมา ตวัดด้วยขวาเสียบหน้าต่างเสาไกล้ข้าไปอย่างสุดสวย ทำให้ “ขุนค้อน” ออกนำ 2-1 ในนาทีที่ 55

ทำให้เจ้าบ้านต้องพยายามโหมบุกอย่างหนัก หวังที่จะทำประตูตีเสมอให้ได้ จนในที่สุดก็ทำได้สำเร็จในนาทีที่ 69 จากจังหวะ “แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน” เติมเกมรุกมาจากฝั่งซ้าย ก่อนจะเลี้ยงจี้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะจ่ายย้อนกับมาให้กับ “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” ซัดด้วยซ้ายแม้บอลจะเหมือนไม่มีน้ำหนัก แต่ “คัส ฟาเบียนสกี้” ผู้รักษาประตูของทีมเยือน พยายามที่จะรับบอลเข้าซอง ทว่าลูกบอลกับลอดแขน และลอดหว่างขาเข้าประตูไป ทำให้ “หงส์แดง” ตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 ในนาทีที่ 69
และเหมือนเจ้าบ้านได้ความมั่นใจมากขึ้น เลยทำให้มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 81 จากการยิงไกลของ “โจ โกลเมซ” แต่บอลดันไปถูกบล็อกของทีมเยือน “เวสต์แฮม” ทำให้กระดอนไปเข้าทางของ “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” ที่วิ่งผ่านกับดักล้ำหน้าของแนวรับ “เวสต์แฮม” เข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนจะตวัดบอลเข้ามาที่เสาไกล แม้บอลจะเลย “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ที่พยายามจะขึ้นโหม่ง แต่ก็ยังมี “ซาดิโอ มาเน่” รอแท็ปอินเข้าไปแบบโล่งๆ ทำให้ “ลิเวอร์พูล” ออกนำได้ในที่สุด ด้วยสกอร์ 3-2

ก่อนในเวลาที่เหลือแม้ “หงส์แดง” จะส่งบอลเข้าประตูไปได้ แต่ก็ไม่เป็นประตู หลังจากผู้ตัดสินได้รับสัญญาณจากห้อง VAR แล้วบอกว่าเป็นลูกล้ำหน้าไปของ “ซาดิโอ มาเน่” ทำให้จบเกมเป็นทางด้าน “ลิเวอร์พูล” เปิดบ้านพลิกแซงกลับมาชนะ “เวสต์แฮม ยูไนเต็ด” ไปด้วยสกอร์ 3-2 ส่งผลให้ “หงส์แดง” ยังคงไม่แพ้ใครในลีกเป็นนัดที่ 27 ของฤดูกาลนี้ พร้อมกับเก็บเเต้มเป็น 79 แต้ม หนีห่าง “แมนซิตี้” อันดับ 2 ที่ 22 แต้มเท่าเดิม และหากเก็บชัยชนะได้อีก 4 นัด จะสามารถการันตีเเชมป์ในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน ส่วนทางด้าน “เวสต์แฮม” ยังไม่ชนะใคร 5 เกมติดต่อกัน และรั้งอันดับที่ 18 ของตารางต่อไป
ขอบคุณรูปภาพจาก Premier League #ข่าวกีฬา #ข่าวฟุตบอลไทย #วิเคราะห์ฟุตบอล