เมื่อคืนวันพุธที่ 4 มี.ค. 63 ที่ผ่านมา มีการแข่งขันฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ของ อังกฤษ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเป็นการแข่งขันของทีมอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องเปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของทีมในลีก เเชมเปี้ยนส์ชิพ อังกฤษ อย่าง “เบอร์มิงแฮม ซิตี้” ทีมอันดับ 15 ของตาราง
ก่อนเกมทางด้านเจ้าบ้าน “เลสเตอร์” พึ่งจะพ่ายแพ้ให้กับ “นอริส ซิตี้” ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง มาด้วยสกอร์ 1-0 ในลีก ทำให้ในเกมนี้ “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” นายใหญ่ของทีม ต้องการเน้นในถ้วยใบนี้เป็นอย่างมาก หลังจากพลาดมาแล้วทั้งถ้วยยุโรป และคาราบาว คัพ ทำให้ในเกมนัดนี้ได้ส่ง 3 แนวรุกในแดนกลางอย่าง “เดนนิส ปราต” , “เดมาราย เกรย์” และ “เจมส์ แมดดิสัน” ลงคอยปั้นเกมในแดนกลาง และมี “เคเลชี่ อิเฮียนาโช่” เป็นหน้าเป้าคอยล่าตาข่าย
ส่วนทางด้านทีมผู้มาเยือนอย่าง “เบอร์มิงแฮม” ที่ในลีกพึ่งจะเสมอกับทาง “ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส” มาแบบสนุกที่ 2-2 ทำให้ตอนทีมเสมอมาแล้ว 4 เกมติดต่อกันในลีก โดยเกมนัดนี้ทางด้าน “เป๊ป โคลเต็ต” กุนซือของทีมได้วาง 2 กองหน้าอย่าง “ลูคัส ยุตคีวิซ” และ “สกอตต์ โฮแกน” คอยปั่นป่วนเกมรับของเจ้าบ้าน และทำสกอร์ให้กับทีม
โดยเกมนี้มีเพียง 1 ประตูเท่านั้น และประตูชัยนั้นเป็นของเจ้าบ้าน ที่ทำได้ในครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 82 จากการที่ “เบน ชิลเวลล์” หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสบอลเลยไปถึงเสาไกล แต่ยังมี “มาร์ค อัลไบรท์ตัน” ที่เก็บบอล ก่อนเจ้าตัวจะกลับตัวแล้วตวัดมาตรงกลางกรอบ 6 หลา และเป็น “ริคาร์โด้ เปเรยร่า” ที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะขึ้นโขกสะบัดไปที่เสาไกล ทำให้บอลพุ่งเข้ากระดอนเข้าประตูไป แม้ “ลี แคมพ์” นายทวารของทีม “เบอร์มิงแฮม” จะพยายามพุ่งไปปัด แต่ก็ไม่ทัน และเป็นประตูชัยให้กับเจ้าบ้านในเกมนี้
ส่งผลให้เจ้าบ้าน “เลสเตอร์ ซิตี้” สามารถเฉือนชนะ “เบอร์มิงแฮม ซิตี้” ที่สกอร์ 1-0 ทำให้ทีม “จิ้งจอกสยาม” ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมต่อไป ซึ่งจะไปพบกับทีมใน พรีเมียร์ลีก เหมือนกันอย่าง “สิงห์บูลล์” เชลซี ที่อยู่ในอันดับที่ 4 ของตาราง ณ ตอนนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก Leicester City #ข่าวกีฬา #ข่าวฟุตบอลไทย #วิเคราะห์ฟุตบอล
